ประวัติมูลนิธิ
ประวัติการก่อตั้งมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท
มูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาผู้ขาดแคลนชาวชัยนาท (เลขทะเบียนหนังสือก่อตั้ง ๔๙๔) ตั้งอยู่บ้านเลขที่ ๕ ซอยพระนาง ถนนราชวิถี อำเภอพญาไท จังหวัดกรุงเทพมหานคร ก่อตั้งเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๑ โดยพันเอกขุนทะยานราญรอน (ประกอบอาชีพรับราชการ) โดยมีเจตนารมณ์ในการมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ประกอบด้วยพื้นที่ อำเภอมโนรมย์ อำเภอวัดสิงค์ อำเภอสรรพยา อำเภอสรรคบุรี อำเภอหันคา อำเภอหนองมะโมง อำเภอเนินขาม และอำเภอเมืองชัยนาท โดยมุ่งเน้นส่งเสริมสาขาวิชาพุทธิศึกษา จริยศึกษา พลศึกษา หัตถศึกษา และอาชีวะศึกษา
ต่อมาในวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ พลอากาศตรีวิฑูรย์ นิลกำแหง ได้รับช่วงดูแลมูลนิธิต่อ และย้ายที่ตั้งสำนักงานแห่งใหม่มา ณ บ้านเลขที่ ๔๔๔ ถนนสามแสน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พร้อมเปลี่ยนชื่อจาก “มูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาผู้ขาดแคลนชาวชัยนาท” เป็น“มูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท” โดยยังคงยึดถือเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือส่งเสริมเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการศึกษา เพื่อให้ได้รับการศึกษาที่สูงตามสมควร
จากนั้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ พลอากาศโทดิภาพ ศึกษากิจ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน “มูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท” โดยสานต่อเจตนารมณ์เดิมของผู้ก่อตั้ง พร้อมทั้งขยายโอกาส ด้วยมุ่งหวังให้การมอบทุนการศึกษานี้ ไม่เจาะจงเฉพาะผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงเยาวชนชาวชัยนาทผู้มีผลการเรียนดีด้วย จึงมีการแบ่งทุนออกเป็น ๓ ทุน/ปี ประกอบด้วย ๑). ทุนศึกษากิจ จำนวน ๖๐ ทุน/๑ปี ๒). ทุนเวชธานี จำนวน ๗๐ ทุน/ปี ๓). มูลนิธิชัยนาท จำนวน ๑๘ ทุน/ปี และ ๔). ทุนสมาคมชาวชัยนาท จำนวน ๕ ทุน/ปี สรุปการให้ทุนของมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท ทั้งหมดมีจำนวน ๑๕๓ ทุน/ปี
ปี พ.ศ.๒๕๕๔ พลอากาศโทดิภาพ ศึกษากิจ ได้ถึงแก่กรรม ทางสมาคมชาวชัยนาทจึงมีมัติมอบหมายให้ ดร.ชาคริต ศึกษากิจ ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาทต่อจนถึงปัจจุบัน โดยยังคงยึดถือเจตนารมณ์อย่างตั้งมั่น ซึ่งจวบจนถึงปัจจุบัน เยาวชนที่ได้รับโอกาสทางการศึกษา จากมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท สามารถสำเร็จการศึกษาขั้นสูงตามควร และประกอบอาชีพที่ดี อาทิ แพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล ครู และอาชีพอื่น ๆ อันเป็นประโยชน์ต่อสังคมสืบไป ซึ่งเป็นไปเจตจำนงค์และความมุ่งหวังตามของผู้ก่อตั้งเป็นอย่างดี
ระเบียบมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท
ว่าด้วยการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชาวชัยนาทผู้เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์
พุทธศักราช ๒๕๓๙
ด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ได้แจ้งว่าขณะนี้ทางการได้เปิดให้มีการเรียนการสอนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ในโรงเรียนต่างๆ ที่มิได้สังกัดอยู่ในกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพิ่มขึ้นอีก เช่น โรงเรียนที่สังกัดในสำงานขณะกรรมการประถมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพิ่มขึ้นอีก เช่น โรงเรียนที่สังกัดในสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, โรงเรียนที่สังกัดในราชการบริหารส่วนท้องถิ่น (เทศบาล) เป็นต้น จังหวัดจึงเห็นควรให้นักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ดังกล่าวนั้นได้มีส่วนได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้ได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท เช่นเดียวกับนักเรียนที่สังกัดอยู่ในกรมสามัญศึกษาด้วย
ในการประชุมคณะกรรมการมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท ครั้งที่ ๒/๒๕๓๘ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษจิกายน ๒๕๓๘ ที่ประชุมได้พิจารณาคำแนะนำของจังหวัดดังกล่าวแล้วจึงเห็นควรให้แก้ไขปรับปรุงระเบียบการของมูลนิธิว่าด้วยการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชาวชัยนาทผู้เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เสียใหม่เพื่อสะสมและเป็นไปตามสถนการณ์จัดระบบการศึกษาของทางราชการต่อไป
ฉะนั้น คณะกรรมการมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๗ แห่งตราสารของมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชัยนาท พุทธศักราช ๒๕๑๖ จึงได้วางระเบียบการว่าด้วยให้การให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชาวชัยนาทผู้เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์เสียใหม่ ดังนี้
การใช้ระเบียบ
ข้อ ๑ระเบียบนี้ให้เรียกว่า “ระเบียบให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชาวชัยนาทผู้เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ พุทธศักราช ๒๕๓๙”
ข้อ ๒ ให้ยกเลิกระเบียบการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชาวชัยนาทผู้เรียนดีแต่ขาดทุนแคลนทรัพย์พุทธศักราช ๒๕๒๓ และระเบียบการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชาวชัยนาทผู้เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ (ฉบับที่๒) พุทธศักราช ๒๕๓๓ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ข้อ ๓ ให้ใช้ระเบียบให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชาวชัยนาทผู้เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ พุทธศักราช ๒๕๓๙ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ข้อ ๔ ให้ประธานกรรมการมูลนิธิช่วยเหลือการศึกษาชาวชัยนาท เป็นผู้รักษาการให้เป็นไปตามระเบียบนี้
ความมุ่งหมายในการให้ทุน
ข้อ ๕ เพื่อเป็นการช่วยเหลือส่งเสริมนักเรียนผู้มีความประพฤติดี มีผลการเรียนดี มีความขยัน หมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียนแต่ ขาดทุนทรัพย์ ในเขตจังหวัดชัยนาทให้ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนตามแก่อัตภาพ
หลักเกณฑ์การให้ทุน
ข้อ ๖ มูลนิธิฯ จะให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ของโรงเรียนที่เป็นสถานศึกษาของรัฐ หรือโรงเรียนที่สังกัดอยู่ในราชบริหารส่วนท้องถิ่นที่ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดชัยนาท เท่านั้น
ข้อ ๗ ทุนการศึกษาแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ
ประเภทที่ ๑ เป็นทุนที่จะให้แก่นักเรียนผู้เรียนดีเด่นจากโรงเรียนต่างๆ ที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้
ระเบียบนี้จำนวน ๑ ทุน
ประเภทที่ ๒ เป็นทุนที่จะให้แก่นักเรียนผู้เรียนดีเด่นจากโรงเรียนต่างๆ ที่กำหนดไวในระเบียบนี้
อำเภอละ ๑ ทุน
ในกรณีจำเป็นหรือเพื่อประโยชน์แก่มูลนิธิฯ หรือนักเรียน คณะกรรมการมูลนิธิฯ อาจเพิ่มหรือลดจำนวนทุนได้ตามคณะกรรมการมูลนิธิจะพิจารณาเห็นสมควร
ข้อ ๘ จำนวนเงินทุนที่นักเรียนจะได้รับแต่ละประเภทนั้น ให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการมูลนิธิฯ จะกำหนด
ข้อ ๙ นักเรียนผู้ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับทุนนั้น จะได้รับทุนติดต่อกันเป็นเวลา ๖ ปี แต่ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กำหนดไว้ในระเบียบนี้
ข้อ ๑๐ ภายใต้บังคับแห่งระเบียบนี้ ผู้ได้รับทุนจะเลือกเรียนจากชั้นมัธยมปีที่ ๑ ถึงชั้นมัธยมปีที่ ๖ หรือเมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ แล้ว จะไปเรียนต่อทางสายอาชีพอื่นใดที่มีหลักสูตรไม่เกิน ๓ ปี ก็ได้
ข้อ ๑๑ การมอบทุนให้นักเรียนที่ได้มอบทุน ให้คณะกรรมการมูลนิธิ กำหนดปีๆ ไป
คุณสมบัติของผู้ขอรับทุน
ข้อ ๑๒ นักเรียนผู้จะขอรับทุนจากมูลนิธิฯ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้
๑๒.๑ เป็นนักเรียนที่กำลังเรียนอยู่ในชั้นและโรงเรียนที่กำหนดไว้ในข้อ ๖ แห่งระเบียบนี้
๑๒.๒ เป็นผู้ที่มีความประพฤติเรียบร้อย มีความขยันหมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียน
๑๒.๓ เป็นผู้ที่มีผลการเรียนในปีก่อนปีที่ขอทุน โดยมีผลสอบไม่น้อยกว่าร้อยละ ๗๐ หรือระดับคะแนนไม่น้อยกว่า ๒.๕
๑๒.๔ เป็นผู้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองยากจน โดยมีบุคคลที่น่าเชื่อถือได้ทำหนังสือรับรองให้ไว้เป็นหลักฐาน
๑๒.๕ เป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดชัยนาทไม่น้อยกว่า ๓ เดือน ก่อนวันยื่นคำขอรับทุน
๑๒.๖ ไม่เป็นผู้ได้รับการศึกษาจากบุคคลหรือนิติบุคคลใดๆ อยู่ในวันยื่นคำขอรับทุน
๑๒.๗ เป็นผู้มีร่างกายสมบูรณ์ ไม่เป็นผู้ที่มีร่างกายพิการไม่สมประกอบในส่วนสำคัญของร่างกาย ปราศจากโรคเรื้อน วัณโรค โรคติดต่ออย่างร้ายแรง ไม่ติดหรือเสพยาเสพติดให้โทษ ไม่เป็นโรคอื่นที่ขัดต่อการศึกษาเล่าเรียน ซึ่งนายแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งให้คำรับรองไว้เป็นหลักฐาน
๑๒.๘ ต้องยื่นคำขอรับทุนต่อครูใหญ่/อาจารย์ใหญ่/ผู้อำนวยการโรงเรียน ภายในเวลาที่คณะกรรมการดำเนินการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์จังหวัดชัยนาทกำหนด
๑๒.๙ ต้องแนบสำเนาทะเบียนบ้าน สมุดรายงานประจำตัวนักเรียนในปีก่อนที่ยื่นคำขอ รับทุนทรัพย์พร้อมกับคำขอรับทุน
หน้าที่ของผู้ทุน
ข้อที่ ๑๓ เมื่อผู้ขอรับทุนได้รับการคัดเลือกให้ได้รับทุนแล้ว จะต้องเปิดบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกไว้กับธนาคารออมสินสาขาใดสาขาหนึ่งในจังหวัดชัยนาท ตลอดเวลาที่ได้รับทุนจากมูลนิธิ
การเปิดบัญชีดังกล่าว จะต้องมีเงื่อนไขไว้กับธนาคารฯ ว่าในการขอถอนเงินแต่ละครั้งจะต้องให้บุคคลที่นายอำเภอท้องที่ หรือผู้อำนวยการโรงเรียนที่มูลนิธิฯ ให้อำนาจไว้แต่งตั้งลงชื่อร่วมในแบบขอถอนเงินด้วยทุกครั้ง การขอถอนเงินนั้นจึงจะสมบูรณ์
ข้อ ๑๔ ในระหว่างที่ได้รับทุน ผู้ได้รับทุนย้ายภูมิลำเนา ย้ายสถานที่เรียนหรือสถานที่ศึกษาภายในเขตจังหวัดชัยนาท ต้องแจ้งให้มูลนิธิฯ ทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันย้าย
ข้อ ๑๕ การให้ทุนการศึกษาของมูลนิธิฯ เป็นการให้เปล่า ผู้ได้รับทุนไม่มีภาระผูกพันกับมูลนิธิฯ แต่ประการใด
การสิ้นสุดในการรับทุน
ข้อ ๑๖ การสิ้นสุดในการรับทุนจะเกิดขึ้นเมื่อมีกรณีใดกรณีหนึ่งดังกล่าวต่อไปนี้เกิดขึ้น คือ
๑๖.๑ ผู้ได้รับทุนตาย
๑๖.๒ ผู้ได้รับทุนพ้นสภาพจากการเป็นนักเรียน/นักศึกษา
๑๖.๓ สละสิทธิ์ในการรับทุน
๑๖.๔ บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีฐานะพอที่จะส่งให้ผู้ได้รับทุนเรียนต่อไปได้
๑๖.๕ มีผลการเรียนต่ำกว่าที่กำหนดไว้ในข้อ ๑๒.๓ แห่งระเบียบนี้
๑๖.๖ ประพฤติหรือปฏิบัติตนไปในทางเสื่อมเสียไม่สมควรแก่วัยหรือสภาพของนักเรียนหรือนักศึกษา
๑๖.๗ ย้ายภูมิลำเนาโดยตรงหรืออ้อมไปนอกเขตจังหวัดชัยนาท
๑๖.๘ ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนหรือสถานที่ตั้งอยู่นอกเขตจังหวัดชัยนาท
๑๖.๙ กระทำการใดๆ อันเป็นการขัด หรือฝ่าฝืนระเบียบ หรือคำสั่งของมูลนิธิฯ หรือของคณะกรรมารดำเนินการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชาวชัยนาทผู้เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์จังหวัดชัยนาท
ข้อที่ ๑๗ ในมูลนิธิฯ เชิญบุคคลที่เห็นสมควรให้เป็นคณะกรรมการ การดำเนินงานให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนชาวชัยนาทผู้เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์จังหวัดชัยนาทขึ้นคณะหนึ่งเพื่อคัดเลือกนักเรียนผู้สมควรให้รับทุนของมูลนิธิฯ ตามระเบียบการนี้แล้วแจ้งผลการคัดเลือกให้มูลนิธิฯ ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป
ข้อ ๑๘ เพื่อให้คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯตามที่กล่าวในข้อ ๑๗ กระทำไปโดยสะดวกรวดเร็วคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯมีอำนาจ
๑๘.๑ ตั้งอนุกรรมการเพื่อให้ดำเนินการในนามของคณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯหรือเพื่อกระทำการใดๆ โดยเฉพาะเพื่อผลงานตามระเบียบนี้
๑๘.๒ ออกคำสั่ง หรือวางกฎ ระเบียบ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปโดยถูกต้องเรียบร้อย รวดเร็ว
ข้อที่ ๑๙ คณะกรรมการมูลนิธิฯ คณะกรรมการดำเนินการคัดเลือกฯ ตามข้อ ๑๗ แห่งระเบียบนี้ได้มีมติ หรือคำสั่ง คำวินิจฉัยประการใด ให้ถือเป็นที่สุด ผู้ใดจะโต้แย้ง คัดค้าน หรือนำไปฟ้องร้องต่อศาลสถิตยุติธรรมเพื่อเพิกถอนหาได้ไม่
ข้อที่ ๒๐ หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นจากการใช้ระเบียบนี้ ให้ถือมติของคณะกรรมการมูลนิธิฯ เป็นที่สุด
ข้อที่ ๒๑ บรรดาสิทธิหรือภาระผูกพันใดๆ ที่มูลนิธิฯ มีอยู่หรือกระทำไว้โดยอาศัยระเบียบการของมูลนิธิฯ ที่ถูกยกเลิกไปตามข้อ ๒ แห่งระเบียบนี้ ให้คงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าภาระผูกพันนั้นๆ จะสิ้นสุด
ประกาศ ณ วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๓๙